วันนี่ผมมีเรื่องมาเล่าเรื่องของอายุต้นชาครับผม วันก่อนไปอ่านบทความเกี่ยวกับอายุต้นชาเค้าแบ่งออกเป็นสามช่วงครับผม มาดูกันดีกว่าว่าเค้าแบ่งกันยังไง
1. เป็นชาปลูกหรือชาไร่ครับผม โดยทั่วไปชาพวกนี่อายุไม่เกิน 100 ปี ซึ่งโดยปกติแล้วชาปลูกส่วนใหญ่จะนำมาผลิตเป็นชาผู่เอ่อร์สุกมากกว่าผู่เอ่อร์ดิบครับ แต่ชาไร่แบบนี่จะสู้รสชาติชาป่าไม่ได้ครับ
2.ช่วงอายุตั้งแต่100-300ปี ที่เติบโตบนภูเขาครับ เป็นต้นชาที่เติบโตบนภูเขาและมีช่วงอายุตั้งแต่ 100-300 ปี ช่วงชาในกลุ่มนี่จะให้รสชาติที่ดีกว่าชาปลูก เพราะเป็นต้นที่มีอายุมาก รากยาวดูดซึมสารอาหารแร่ธาตุต่างๆได้มาก รวมไปถึงสภาพแวดล้อมรวมไปถึงความสูงของภูเขา ซึ่งในบทความเค้าอธิบายว่า ถ้าเป็นต้นชาที่อยู่บนภูเขาสูงที่เกิน 2000 เมตร แต่ไม่เกิน 2200 เมตร รสชาติชาที่อยู่ในความสูงที่ไม่เกิน 2200 เมตร จะให้รสชาติดีกว่าต้นชาที่เติบโตในความสูง2000 เมตร ครับ มาดูต้นชาอายุ100-300 ปีกันครับ (รูปอาจจะไม่ชัดหน่อยน่ะครับ ขออภัย ณ ที่นี้)
3.ต้นชาที่มีอายุมากว่า 300 ปี ครับ ใบชาที่ได้ชาต้นชาในกลุ่มอายุ 300 ปีขึ้นไป เติบโตบนภูเขา จะเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมในการผลิตผู่เอ่อร์ดิบครับ เราจะพบว่าในมณฑลยูนานชาที่ผลิตจากกลุ่มนี้เป็นชาที่มีคุณภาพดีครับ ชาที่อยู่ในกลุ่มอายุนี้จะให้รสชาติชาที่ดีที่สุด อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อม ความสูงของภูเขา รากที่ยาวของต้นชาซึ่งสามารถดูดซึมแร่ธาตุต่างๆได้เยอะ ความสูงของภูเขาที่ต้นชากลุ่มนี่เจริญเติบโต คือมีความสูงมากกว่า 2200 เมตรครับ แต่อันเนื่องต้นชาจำพวกนี่มีจำนวนไม่มาก แต่มีความต้องการจากคนดื่มชาสูงจึงทำให้มีราคาที่สูงครับ มาดูรูปต้นในกลุ่มนี่กันดีกว่าครับ
ต้นนี่อายุ800ปีครับผม
ดูลำต้นใหญ่โตน่าดูเลย
สำหรับผู้ที่เคยดื่มชาป่า จะรู้ว่าในเรื่องของรสชาติ ความหอม ความนุ่มนั้น ชาปลูกไม่สามารถมาเทียบได้เลย ถึงแม้จะเป็นชาชนิดเดียวกัน แต่ที่มาของชาต่างกันรสชาติก็ยอมต่างกัน แม้กระทั้งเป็นชาป่าตัวเดียวกัน แต่ปลูกคนละหมู่บ้านคนละเขตของภูเขาก็ให้รสชาติที่ต่างกัน ส่ิงที่จะทำให้คนดื่มชาแยกแยะได้ว่านี่คือชาป่าหรือชาปลูก ก็คือลิ้นและประสบการณ์ของเค้าเท่านั้น
ติดตามอ่านบทความดีๆครับ
ตอบลบมิก
เยี่ยมมากครับ ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ครับ
ตอบลบขอบคุณครับคุณจาง
ลบไม่รู้จะหาคำใดใดมาชม
ตอบลบขอบอกว่า ยอดมากครับ
มน ปทุมธานี
ขอบคุณน่ะครับคุณมน
ลบแว